2 บรรยากาศในการเปลี่ยนผ่านฤดูที่บ้านป่าบงเปียง

บ้านป่าปงเปียงมีชื่อเสียงในด้านนาข้าวขั้นบันไดที่สวยงาม ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในประเทศไทย ระเบียงนาข้าวบนความสูงกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทุ่งมีพื้นที่ราวกว่า 500 ไร่ ในจังหวัดเชียงใหม่ ทางภาคเหนือของประเทศไทย สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามตระการตา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ทุ่งนาเต็มไปด้วยความเขียวขจี หรือในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งมีสีทองปกคลุมภูมิทัศน์

บ้านป่าบงเปียง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ที่เชิงดอยอินทนนท์ ในพื้นที่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งเป็นจุดหมายการเดินทางสำหรับผู้ที่ถวิลหาธรรมชาติ ด้วยพื้นที่ของแม่แจ่มมีภูเขาขนาบทั้งภาคตะวันออกและตะวันตก  มีพื้นที่ราบเล็กๆ ที่มีความลาดเอียงระหว่างหุบเขาอยู่ทั่วไป  ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในแถบนี้ จึงใช้เป็นที่ทำนาขั้นบันได คือ การปลูกข้าวบนเชิงเขาลดหลั่นคล้ายขั้นบันได ส่วนใหญ่เป็นข้าวไร่  ข้าวเหนียว  ที่ใช้น้ำน้อย เอื้อต่อลักษณะภูมิประเทศที่รายล้อมด้วยภูเขา

จุดเด่นที่ระเบียงนาข้าว

ระเบียงนาข้าวในบ้านป่าปงเปียงไม่เพียงแต่เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของความฉลาดทางการเกษตรเท่านั้น แต่ยังเป็นฉากหลังที่งดงามสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำกับความงามตามธรรมชาติของประเทศไทย ขั้นบันไดลดหลั่นลงมาตามไหล่เขา ทำให้เกิดลวดลายที่ซับซ้อนซึ่งทั้งน่าดึงดูดสายตาและมีความสำคัญทางวัฒนธรรม พื้นที่นี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งดูแลบริเวณระเบียงเหล่านี้มาหลายชั่วอายุคน โดยอนุรักษ์วิธีการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมและวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับผืนดินอย่างใกล้ชิด

“ป่าบงเปียง” ถือเป็นที่สุดของแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ ท้องฟ้าที่กว้างไกลแบบสุดสายตา ทุ่งนาขั้นบันไดตัดกับขอบฟ้าและแนวเขา  ฤดูการทำนาปักดำต้นกล้าเริ่มในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน ซึ่งมีฝนตกชุก ความชุ่มชื้นในอากาศสูง ในวันเมฆฝนหนาแน่นก็มืดครึ้มไปทั้งวัน จะเห็นกล้าข้าวต้นน้อยที่มีน้ำหล่อเลี้ยงในนาขั้นบันไดไปจนสุดสายตาในมุมกว้าง 180 องศา   ช่วงที่ข้าวแตกกอเขียวชอุ่มนั้นอยู่ในเดือนกันยายน – ตุลาคม ต้นข้าวเริ่มหนาแน่นเขียวขจีได้ความชื่นตาชื่นใจไปอีกแบบหนึ่ง  ไปจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ข้าวออกรวงสุกเหลืองอร่ามรอการเก็บเกี่ยวทั่วท้องทุ่ง ชอบบรรยากาศและความสวยงามแบบไหนก็เลือกเดินทางกันไปตอนนั้น

2 บรรยากาศใน 2 ฤดู

นับว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ให้ความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในเดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่เริ่มมีการทำนา ประทับใจต้นข้าวกำลังเริ่มขึ้นปูพรมสีเขียวไปทั่วทั้งหุบเขา ในเดือนกันยายน – ตุลาคม ส่วนในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม โรแมนติกสุดสายตาด้วยทุ่งนาสีเหลืองทองอร่ามอาบไปทั่วบริเวณ

ผู้เยี่ยมชมบ้านป่าปงเปียงสามารถสำรวจระเบียงด้วยการเดินเท้า ตามเส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านทุ่งนา และนำเสนอทิวทัศน์มุมกว้างอันน่าทึ่งของภูเขาและหุบเขาโดยรอบ โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวกำลังเจริญเติบโตและบริเวณระเบียงจะมีชีวิตชีวาที่สุด

สัมผัสวิถีชาวบ้าน

สัมผัสชีวิตตามวิถีชาวบ้านด้วยการพักในโฮมสเตย์ ที่นอกจากได้นอนค้างคืน ตื่นมาอาบแสงแดดยามเช้าที่ระเบียงบ้านแล้ว ยังจะได้กินอาหารปิ่นโต หรือยกมาทั้งโตก(สำรับ)แล้ว อยากให้ลองนำเตาอั้งโล่ ไม้เกี๊ยะ ฟืน และกาต้มน้ำ มาก่อไฟ ต้มกาแฟทำอาหารเช้ากินเอง เหมือนได้ย้อนเวลาไปหาอดีตหนุ่มนาข้าว สาวท้องทุ่งกันเลย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บ้านป่าปงเปียงได้รับความนิยมในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์ความเงียบสงบและความสวยงามของชนบทของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มีความพยายามในการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรักษาความสมบูรณ์ของภูมิทัศน์และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนท้องถิ่น

จองที่พัก

ที่พัก ป่าบงเปียง อำเภอแม่แจ่ม

เส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ ก่อนแยกซ้ายไปยังแม่แจ่ม Photo by Jakapan Kammanern

การเดินทาง

หากขับรถยนต์: ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไป แม่แจ่ม ประมาณร้อยกว่ากิโลเมตรได้ ถนนสภาพดีไม่มีปัญหา มีลาดชันบ้างเป็นช่วงๆ แถวดอยอินทนนท์ ผ่านจุดตรวจที่ 1 พอจุดที่ 2 ผ่านจุดตรวจมาก็ชิดซ้ายไปแม่แจ่ม วิ่งบนเขายาวๆ กันไปเลย มีที่แวะกินข้าวซื้อของที่ตลาดเลยแม่กลางหลวง ชมทัศนียภาพไปเรื่อยๆ  จนมาถึงทางเข้าบ้านป่าบงเปียง ถึงจุดรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่มาบ้านป่าบงเปียง

รถโดยสาร : จากอำเภอจอมทอง ต่อรถเหลืองที่ไป อำเภอแม่แจ่ม ลงบริเวณ จุดตรวจที่ 2 ดอยอินทนนท์ หรือแยกน้ำตกแม่ปาน จะมีรถมาบริการเข้าบ้านพัก